‘Google SGE’ คืออะไร ทำงานอย่างไร เกี่ยวข้องกับ SEO หรือไม่?

Google SGE ทำงานอย่างไร

‘Google SGE’ คืออะไร ทำงานอย่างไร
เกี่ยวข้องกับ SEO หรือไม่?

อัปเดตอีกหนึ่งฟีเจอร์ใหม่จาก Google ที่ชื่อว่า SGE หรือ Search Generative Experience ที่ถูกพัฒนาขึ้นด้วยการนำ AI เข้ามามีส่วนร่วมในงานนี้
โดย
Google SGE นั้นมีกลไกและรูปแบบการทำงานที่เฉพาะตัว แต่จะมีความเกี่ยวข้องกับการทำงานของ SEO หรือไม่ อย่างไร สามารถหาคำตอบได้ในบทความนี้

Search Generative Experience (SGE) คืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไร?

Search Generative Experience (SGE) เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าจับตามองอย่างมากในอนาคต เพราะเป็นฟีเจอร์ใหม่ของ Google ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยการนำ AI เข้ามามีส่วนร่วมในการเสิร์ชหาข้อมูลต่าง ๆ โดย Google SGE จะวิเคราะห์ข้อมูลนั้น ๆ จากสิ่งที่ผู้ใช้งานถามหรือค้นหาเข้ามาในระบบและประมวลผลข้อมูลจากฐานข้อมูลที่มีอยู่ เพื่อนำเสนอออกมาเป็นคำตอบในรูปแบบบทสนทนาที่เข้าใจง่าย หรือนำเสนอออกมาเป็นบทสรุป ขึ้นอยู่กับคำหรือประโยคที่ผู้ใช้งานใช้ค้นหา

 

 

หลักการทำงานของ Google SGE

  1. ประมวลและวิเคราะห์ข้อมูล: โดยอ้างอิงจากคำถามหรือประโยคที่ผู้ใช้งานเริ่มต้นบทสนทนาหรือเริ่มค้นหา 
  2. ค้นหาข้อมูล: จากแหล่งน่าเชื่อถือต่าง ๆ ทั้งเว็บไซต์ เอกสาร รูปภาพ วิดีโอ และอื่น ๆ ที่ในระบบของ Google มี 
  3. นำเสนอข้อมูล: ในรูปแบบของคำตอบบทสนทนาที่ใกล้เคียงกับบุคคลจริง ๆ เป็นคำตอบที่เข้าใจง่ายและกระชับ หรือออกมาในรูปแบบบทสรุปก็ได้ ขึ้นอยู่กับคำถามของผู้ใช้งาน

 

ข้อจำกัดในการทำงานของ Google SGE ในปัจจุบัน

  • – ไม่สามารถตอบคำถามที่ซับซ้อนหรือคลุมเครือได้
  • – ไม่สามารถตอบคำถามที่เป็นศัพท์เฉพาะกลุ่มได้
  • – การนำเสนอข้อมูลอาจไม่ถูกต้อง 100% 
  • – ใช้งานได้แค่บางประเทศ
  • – ระบบยังอยู่ที่ช่วงพัฒนาไม่เสถียร

Google SGE ทำงานอย่างไร

Search Engine Optimization (SEO) คืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไร?

สำหรับ Search Engine Optimization หรือ SEO นั้นน่าจะเป็นสิ่งที่ทุกคนคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว เป็นกระบวนการจัดระเบียบหรือปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีคุณภาพตั้งแต่โครงสร้างและเนื้อหา เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาจาก Google

หลักการทำงานของ SEO

  1.  บทความคุณภาพ: โดยเป็นเนื้อหาและข้อมูลที่มีประโยชน์และมีความเกี่ยวข้องกับแบรนด์ ไม่ใช่การปรุงแต่งบทความเพื่ออ่านสิ่งที่ไม่ได้สนใจ
  2.  โครงสร้างเว็บไซต์: ที่มีความชัดเจน เข้าใจง่าย ให้คำตอบที่ user ต้องการค้นหาได้เป็นอย่างดี รวมถึงความรวดเร็วในการเข้าถึงหน้าเว็บไซต์ด้วย
  3.  การใช้เทคนิคต่าง ๆ: ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้ Keywords การทำ Backlink ที่ช่วยให้เว็บไซต์เราแข็งแรงมากขึ้น

ข้อจำกัดในการทำงานของ SEO ในปัจจุบัน

  • – ใช้ระยะเวลาในการปรับปรุงเว็บไซต์ค่อนข้างนาน เพื่อให้ได้เว็บไซต์ที่มีคุณภาพ
  • – ต้องใช้ทักษะและความสามารถเฉพาะทางจากผู้เชี่ยวชาญ
  • – อาจได้รับผลกระทบเมื่อมีการปรับเปลี่ยนระบบ
  • – มีปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้หลายอย่าง เช่น อันดับการค้นหาหรือการติดอันดับหน้าแรก การแข่งขันจากเว็บไซต์อื่น

 

Google SGE ส่งผลต่อการทำ SEO อย่างไร?

หลังจากที่ทาง Google ได้เปิดตัวฟีเจอร์ Google SGE ขึ้น ทำให้หลาย ๆ คนกังวลในเรื่องนี้ค่อนข้างมาก และมีการคาดคะเนเกี่ยวกับการทำงานของ Search Generative Experience ที่อาจส่งผลกระทบต่อการทำ SEO และเครื่องมืออื่น ๆ จาก Google โดยเรารวบรวมผลกระทบหลัก ๆ ที่คาดว่าน่าจะได้รับ ดังนี้ 

 

  1. ด้านคุณภาพของเนื้อหา
    Google SGE นั้นให้ความสำคัญกับคุณภาพของเนื้อหาค่อนข้างมาก ดังนั้นในการทำ SEO จึงต้องใส่ใจเรื่องคุณภาพของเนื้อหามากขึ้นไปด้วย เช่น การทำ keyword research การคัดสรรเนื้อหาที่มีคุณภาพและเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านลงเว็บไซต์ เป็นต้น ยิ่งมีคุณภาพมากเท่าไหร่ ยิ่งมีโอกาสที่ระบบจะดึงข้อมูลจากเว็บไซต์เราไปตอบคำถามผู้ใช้ได้มากเท่านั้น และทำให้คนคลิกเข้าเว็บไซต์เรามากขึ้นตามไปด้วย แต่ในขณะเดียวกัน หากผู้ใช้ได้รับคำตอบที่ต้องการแล้ว ก็อาจจะไม่กดเข้าหน้าเว็บไซต์เราเพื่ออ่านต่อได้เช่นเดียวกัน
  2. ด้านโครงสร้างเว็บไซต์
    หากเว็บไซต์ของเราใช้งานง่ายและสะดวกในการค้นหาข้อมูลของ Google SGE ก็จะทำให้ระบบดึงข้อมูลไปตอบคำถามได้มากยิ่งขึ้นเช่นกัน ดังนั้นหน้าเว็บไซต์เราจึงไม่ควรซับซ้อนและควรให้ความสำคัญกับ UX/UI มากขึ้น
  3. ด้านปัญหาเชิงเทคนิค
    มีการคาดคะเนว่า Google SGE อาจจะทำให้ความสำคัญของ keyword นั้นลดลง เนื่องจากระบบสามารถเข้าใจบริบทของคำถามได้โดยไม่ต้องอาศัย keyword นอกจากนี้ การสร้าง Backlink จากเว็บไซต์อื่น ก็อาจจะมีความสำคัญน้อยลงด้วย เพราะฟีเจอร์นี้จะสามารถคัดกรองเว็บไซต์คุณภาพได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องอิงจากการทำ Backlink เหมือนที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ผลกระทบต่าง ๆ ทั้งแง่บวกและแง่ลบ อาจจะต้องรอดูอีกครั้งเมื่อมีการประกาศใช้อย่างเต็มระบบทั่วโลกว่าจะเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้นจริงหรือไม่ หรือจะกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และต้องดูว่าทาง Google จะมีวิธีแก้ปัญหาในเรื่องนี้อย่างไร 

 

 

สามารถเห็นการทำงานของ Google SGE ได้จากที่ไหนบ้าง?

ในปัจจุบัน Google SGE ยังไม่เปิดให้ใช้งานอย่างเป็นทางการ แต่สามารถเห็นการทำงานของฟีเจอร์นี้ในหน้า Google Search ได้ในบางประเทศเท่านั้น หากใครอยู่ในประเทศที่ใช้งานได้ ก็สามารถเข้าไปทดลองใช้ที่ https://labs.google/sge/ ได้เลย โดยรองรับบนหลากหลายอุปกรณ์ ทั้งคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และแท็บเล็ต ซึ่งผู้ใช้งานสามารถป้อนคำถามหรือหัวข้อที่สนใจลงไปในแถบค้นหาที่ปรากฏ หาก Google SGE กำลังทำงานอยู่ จะมีสัญลักษณ์ขึ้นแสดงบนหน้าจอ

สำหรับใครที่สนใจอยากทราบข้อมูลของ Search Generative Experience หรือ Google SGE รวมไปถึงการทำ SEO ที่มีคุณภาพ สามารถปรึกษาทีม Heroleads Asia ได้ทาง https://th.heroleads.asia/ หรือโทร. 02-038-5220 เรามีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่คอยให้คำปรึกษาคุณอย่างใกล้ชิด และอัปเดตทุกเทรนด์ใหม่ให้คุณก่อนใคร

FAQs


Google SGE หรือ Search Generative Experience เปรียบเสมือนวิวัฒนาการใหม่ของเครื่องมือค้นหา แตกต่างจากเครื่องมือค้นหาทั่วไปที่ต้องอาศัย keyword เฉพาะเจาะจงและประวัติการค้นหาข้อมูลเป็นหลัก แต่ SGE ใช้ AI ที่ถูกพัฒนาเพื่อทำความเข้าใจและตอบสนองต่อการค้นหาในลักษณะการสนทนาที่เหมือนคนมากขึ้น ซึ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับบริบทและความตั้งใจของผู้ใช้ ทำให้ผลการค้นหามีความเป็นส่วนบุคคลและใช้งานง่าย ถือเป็นอีกเครื่องมือจาก Google ที่พัฒนาอย่างชาญฉลาดและทำให้ผู้ใช้งานได้มีส่วนร่วมกับ AI มากขึ้น


การพัฒนา AI ครั้งนี้ Google ได้พัฒนา SGE ให้ฉลาดกว่าเครื่องมือค้นหาทั่วไป โดยการใช้ประโยชน์จากอัลกอริทึมที่สามารถประมวลผลคำถามให้เป็นภาษาเข้าใจง่าย และยังเข้าใจความแตกต่างในคำถามของผู้ใช้งานอีกด้วย ทำให้ SGE ตอบคำถามของผู้ใช้ได้ตรงจุด ไม่ใช่แค่การค้นหาโดยยึด Keyword หลักเพียงอย่างเดียว แต่ระบบได้ทำความเข้าใจของผู้ใช้อย่างแท้จริง เพื่อค้นหาสิ่งที่ต้องการและให้คำตอบที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้


สำหรับ Google SGE นั้นส่งผลกระทบต่อการทำ SEO ครั้งใหญ่แน่นอน โดย SGE มุ่งเน้นไปที่การทำความเข้าใจกับบริบทของคำถามและการตอบรับของผู้ใช้ โดยจะเปลี่ยนการให้ความสำคัญจาก Keyword หลักไปที่คุณภาพของเนื้อหาโดยรวมมากกว่า ซึ่งหมายความว่าการทำ SEO ในอนาคตจะต้องสร้างบทความที่มีประโยชน์อย่างแท้จริง โดย SGE จะเข้าไปตรวจสอบ คัดกรอง และดึงเนื้อหาเหล่านั้นออกมาตอบผู้ใช้อัตโนมัติ


เปลี่ยนไปแน่นอน โดยเฉพาะการสร้างเนื้อหา ที่จะให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพมากขึ้น ทั้งรูปแบบบทสนทนาและบทความ หมายความว่าการเขียน SEO ในอนาคตควรจะใช้ภาษาที่บุคคลทั่วไปใช้กันมากขึ้น เหมือนพูดคุยกับคนจริง ๆ มากกว่าการโฟกัสที่ Keyword เพียงอย่างเดียว และแน่นอนว่าสิ่งนี้จะเพิ่มมูลค่าได้อย่างมากในอนาคต


แนะนำให้เริ่มจากการปรับปรุงคุณภาพเนื้อหาของธุรกิจคุณก่อน โดยปรับให้มีภาษาที่เข้าใจง่าย คล้ายกับการสนทนาทั่วไป พร้อมกับการปรับโครงสร้างเว็บไซต์โดยเพิ่มประสบการณ์ผู้ใช้ให้ที่ดีขึ้น (UX) มีรูปแบบที่ใช้งานและการค้นหาที่เข้าใจง่าย


ในปัจจุบันอาจจะยังมีปัญหาในเรื่องการค้นหาคำซับซ้อนและคลุมเครืออยู่ รวมไปถึงความถูกต้องของข้อมูลที่ยังไม่ตรงประเด็นมากนัก แต่คาดว่า Google จะมีวิธีการพัฒนาในส่วนนี้อย่างต่อเนื่องและดีขึ้นมากในอนาคตแน่นอน เพื่อให้ระบบมีความเข้าใจและแม่นยำที่ดีขึ้น ทำให้ผู้ใช้ค้นหาคำตอบได้อย่างดีและได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือมากขึ้นด้วย


ตอนนี้ Google SGE ยังเปิดใช้งานในบางประเทศเท่านั้น แต่สามารถเข้าไปลองใช้งานและดูวิธีการทำงานเพิ่มเติมได้ที่ https://labs.google/sge/ มาจับตาดูไปพร้อมกันว่า เทคโนโลยี้นี้จะถูกพัฒนาไปในทิศทางไหนกันบ้าง

Vararat Chartrangsan

Recent posts

Brand Lift Study

Heroleads x Betadine วัดความสำเร็จธุรกิจ ผ่าน Brand Lift

Heroleads x Bet...
google tips for navigating third party cookie

เตรียมตัวบอกลา Third Party Cookies ในปี 2024

เตรียมตัวบอกลา ...
digital-marketing-agency-Revise-th1

10 สิ่งที่ควรรู้! ก่อนทำการตลาดกับเอเจนซี่

10 สิ่งที่ควรรู...

ปรึกษาแผนการตลาด
กับผู้เชี่ยวชาญของเรา

กรอกข้อมูลให้เราติดต่อกลับ เพื่อรับคำแนะนำ และ Solution ที่ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจคุณ พร้อมข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อเริ่มต้นแคมเปญ